ค่ากำเหน็จ คือ ค่าแรง หรือ ค่าจ้างช่างทำทอง โดยจะ คิดราคาตามความยากง่ายในการทำ ลวดลายทอง และ คิดราคาต่อชิ้น ซึ่งค่าแรงมี 2 แบบ คือ 

ค่ากำเหน็จทองรูปพรรณ 

คือ ค่าแรงในการนำทองแท่งมาแปรรูปทำเป็นเครื่องประดับทองคำ อย่าง แหวนทอง สร้อยคอ สร้อยข้อมือ กำไล จี้ทอง ต่างหู ฯลฯ จะมีค่าแรงหลากหลายระดับ ขึ้นอยู่กับลวดลายทองที่ทำ  โดยมาตรฐานค่าแรงทองรูปพรรณ 1 บาท จะอยู่ประมาณบาทละ 500-800 บาท หากเป็นลายยากๆ รายละเอียดซับซ้อน ก็อาจจะอยู่ที่ประมาณบาทละ 1000-3000 บาท

ค่ากำเหน็จทองคำแท่ง 

คือทองคำที่ผลิตเป็นแท่งบล็อคสี่เหลี่ยม จะมีค่าแรงที่เรียกอีกชื่อว่า ค่าบล็อค” หรือ “ค่าพรีเมี่ยม” (ใช้กับการซื้อขายทองแท่ง) ส่วนใหญ่จะมีราคาถูกกว่าค่ากำเหน็จทองรูปพรรณ เนื่องจากผลิตง่าย ไม่ยุ่งยากซับซ้อน แต่ก็มีความสวยงามไม่แพ้ทองรูปพรรณ โดยมาตรฐานค่าแรงทองแท่ง 1 บาท จะอยู่ที่ประมาณบาทละ 100-400 บาท แต่หากทองแท่งนั้นเป็นลวดลายพิเศษก็อาจจะมีค่าแรงสูงกว่านี้ได้ บางที่อาจไม่ต้องจ่ายค่าบล็อคหากซื้อทองแท่งขนาดตั้งแต่ 5 บาทขึ้นไป

ดังนั้น เวลาไปซื้อทองทางร้านทองจะคิดราคาจาก ค่าเนื้อทอง (น้ำหนักทอง) + ค่าแรง ซึ่งหากซื้อทองน้ำหนักน้อยกว่า 1 บาท เช่น 2 สลึง, 1 สลึงทองครึ่งสลึง หรือทอง 1 กรัม ค่าแรงต่อชิ้นก็อาจจะไม่ได้แตกต่างกับค่ำกำเหน็จของทอง 1 บาทมากนัก เพราะค่าแรงคิดตามความยากง่ายของการผลิตทองชิ้นนั้นๆ ไม่ได้คิดตามน้ำหนักทอง

แต่เวลาขายทองคืนร้านทอง ร้านทองจะให้ราคาตามน้ำหนักทองที่ชั่งได้เท่านั้น ไม่ได้นำค่ากำเหน็จมาคิดราคาคืนให้

ทั้งนี้ ร้านทองแต่ละร้านจะคิดค่ากำเหน็จต่างกัน หากเป็นร้านทองรายย่อย หรือ ร้านทองต่างจังหวัดจะคิดในส่วนของก็อาจจะมีค่าขนส่ง ค่าจ้าง ค่าประกัน เพิ่มเข้าไปด้วย เพราะต้องซื้อทองจากร้านทองรายใหญ่มาขาย ทำให้ค่ากำเหน็จหรือค่าแรงอาจจะแพงกว่าร้านในกรุงเทพฯ